ประวัติ ของ เอริช เค็สท์เนอร์

เดรสเดิน 1899-1919

เอริช เค็สท์เนอร์ เป็นบุตรชายคนเดียวของนาย เอมีล กับนางอีดา เค็สท์เนอร์ เกิดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1899 บ้านเลขที่ Königsbrückerstr.66 เมืองเดรสเดิน เมื่อเอริชมีอายุครบได้สามปีครอบครัวของเขาก็ย้ายมาที่บ้านเลขที่ 48 ถนนสายเดิม ครอบครัวของเขาไม่ได้มีฐานะรำรวย พ่อทำงานที่โรงงานทำกระเป๋า ส่วนแม่ต้องช่วยเหลือครอบครัวด้วยการเปิดร้านทำผมในอพาร์ทเม่น แต่รายได้ก็ยังไม่พอเพียง พวกเขาจึงตึดสินใจปล่อยห้องส่วนหนึ่งในอพาร์ทเมนท์ให้เช่าต่อ ซึ่งผู้เช่าส่วนมากมีอาชีพเป็นคุณครู อันเป็นแรงบันดาลใจให้เขาอยากมีอาชีพเป็นครู เขาจึงได้ไปโรงเรียนฝึกอาชีพครู แต่ก็เรียนไม่จบเนื่องจากโรงเรียนต้องปิดเพราะสถานการณ์การทางการเมือง และถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้อยากที่จะเรียนต่ออยู่แล้ว หลังจากนั้นเอริชจึงไปเรียนต่อที่โรงเรียนมัธยม และเขาก็จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมปลายปี ค.ศ. 1919 เนื่องจากเขาเป็นนักเรียนที่ดีมีผลงานทางการเรียนที่ดี เขาจึงได้รับทุนการศึกษาจากเมืองเดรสเดิน หลังจากนั้นเขาก็จึงเดินทางไปยังเมืองไลพ์ซิช (Leipzig) เพื่อไปศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย

ไลพ์ซิช 1919-1927

ปี ค.ศ. 1919 เอริชเริ่มการศึกษาที่มหาวิทยาลัยไลพ์ซิช เขาศึกษาวิชาภาษาเยอรมัน, ปรัชญา, การละคร และประวัติศาสตร์ เนื่องการเงินที่เขาได้รับการทุนการศึกษาไม่พอเพียงสำหรับดำรงชีพ เขาต้องหาอาชีพเสริมหลาย ๆ งานทำระหว่างเรียน อย่างเช่นขายน้ำหอม นอกจากนั้นระหว่างเรียนเขายังได้มีอาชีพเสริมเป็นนักข่าวและนักวิจารณ์ให้กับหนังสือพิมพ์ Neuen Leipziger Zeitung ในปี ค.ศ.1925 เขาก็ได้จบการศึกษาระดับด็อกเตอร์ หลังจากนั้นเขาก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นบรรณาธิการประจำ แต่ในปี ค.ศ.1927 เขาก็ได้โดนไล่ออกเนื่องจากบทวิจารณ์เกี่ยวกับการเมืองที่รุนแรงเกินไป

เบอร์ลิน 1927-1945

หลังจากนั้นเขาก็ได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองเบอร์ลิน ทำงานเป็นนักเขียนอิสระให้กับหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ อย่างเช่น Berliner Tageblatt เป็นต้นปี ค.ศ. 1928 หนังสือที่ได้รับการตีพิมพ์เล่มแรกของเขาคือ Herz auf Taille เป็นหนังสือที่รวมรวบเกี่ยวกับกลอนต่าง ๆ ที่เขาได้เขียนไว้ในสมัยที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไลพ์ซิช หลังจากนั้นในปี 1999 วรรณกรรมเยาวชนเรื่อง เอมีล ยอดนักสืบ (Emil und die Detective) ก็ได้ออกจำหน่ายที่เยอรมัน ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทำให้มีแปลเป็นภาษาต่างประเทศมากกว่าห้าสิบเก้าภาษาทั่วโลก รวมทั้งภาษาไทย เอมีลเป็นเรื่องราวที่มีฉากหลังเป็นเมืองเบอร์ลินเอมีล ยอดนักสืบได้ถูกนำมาสร้างเป็นหนังครั้งแรกในปี 1937 ซึ่งเป็นที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นก็ได้มีนำมาการสร้างเป็นหนังขึ้นอีกหลายรอบ ส่วนวรรณกรรมเยาวชนเรื่องอื่นที่เค็สท์เนอร์ได้เขียนเมื่อใช้ชีวิตอยู่ที่เบอร์ลินอย่างเช่น Pünktchen und Anton (1931) ได้นำมาแปลเป็นภาษาไทยครั้งแรกโดย แววตา หนังสือชื่อว่าคู่หู่จอมซน ระหว่างที่เค็สท์เนอร์ใช้ชีวิตอยู่เบอร์ลิน เขาก็ได้เจอปัญหากับระบบนาซี ทำให้หนังสือเขาไม่ได้ตีพิมพ์ออกจำหน่าย และยังเจอปัญหาเรื่องการการเผาหนังสือด้วย เค็สท์เนอร์โดนจับกุมจากตำรวจนาซี แต่ก็โดนปล่อยออกมาได้ตลอด ระหว่างการเมืองวุ่นวายเขาก็ได้ใช้ชีวิตลบไปยังอิตาลี และสวิตเซอร์แลนด์บาง แต่ก็ได้ไม่นาน เพราะเขาบอกว่าเยอรมันเป็นบ้านเกิดของเขา เป็นประเทศที่เขาเติบโตและเขาต้องตายที่นั้น

มิวนิก 1945 – 1974

หลังจากสงครามโลกครั้งสองได้สิ้นสุดลง เค็สท์เนอร์ก็ได้เดินทางไปยังมิวนิก ซึ่งที่นั้นเขาได้ก่อตั้งนิตยสารเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน พิงกวีน (Pinguin)ในระหว่างช่วงนั้นเขาก็ยังได้เขียนหนังสือ บทความ เนื้อเพลงต่าง ๆ อีกมากมายที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับนาซีและสภาพประเทศเยอรมันหลังสงครามโลกครั้งที่สอง นอกจากนั้นเขายังได้รับแต่งตั้งเป็นประธาณของสมาคมพีอีเอ็น P.E.N. Zentrum ซึ่งเขาได้รับแต่งตำแหน่งนั้นจนถึงกระทั่งปี ค.ศ. 1962 นอกเหนือจากนั้นเขายังได้เป็นผู้ก่อตั้งห้องสมุดเยาวชนนานาชาติ Internationalen Jugendbibliothek ที่มู่นเช่นอีกด้วยเค็สท์เนอร์มีภรรยาที่ใช้ชีวิตร่วมด้วยคืน ลุยส์ล็อตเท่ เอ็นเดเล่ แต่เขาไม่ได้มีบุตรกับเธอ เค็สท์เนอร์มีบุตรชายคนเดียวคือโทมัส เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1957 กับนางฟรีเดล ซีแเบรท์ที่คบกันเป็นชู้ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเค็สท์เนอร์ ด้วยเหตุนี้ภรรยาของเค็สท์เนอร์จึงไม่พอใจและขอร้องให้เขาทั้งสองคนเลิกติดต่อกันเค็สท์เนอร์เสียชีวิตในวันที่ 29 เดือนกรกฎาคม ปีค.ศ. 1974 โดยโรคมะเร็งในหลอดไส้อาหาร โดยเขาถูกฝังศพไว้ที่สุสาน Bogenhausener Friedhof ที่มู่นเช่น

ใกล้เคียง

เอริช ฮาร์ทมัน เอริช ฟ็อน มันชไตน์ เอริช เค็สท์เนอร์ เอริช ฮ็อนเน็คเคอร์ เอริช ลูเดินดอร์ฟ เอริช เรเดอร์ เอริช มาเรีย เรอมาร์ค เอริช ฟ็อน ฟัลเคินไฮน์ เอริช เฟ็ลกีเบิล เอริช เฮิพเนอร์